น้ำตาลสด หยอดแว่น บดผง ของดีจากตาลโตนด วิถีชีวิต ‘โหนด นา เล’ แห่งคาบสมุทรสทิงพระ

พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระต้อนรับผู้มาเยือนด้วยภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา ‘ต้นตาลโตนด’ เรียงรายเป็นทิวแถวสุดลูกหูลูกตาบนแนวคันนาเขียวขจี เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ หล่อเลี้ยงปากท้องผู้คนที่นี่ให้มีอาหารมากมายและอาชีพหลากหลาย

ด้วยฐานทรัพยากรตาลโตนด ทุ่งนา ท้องทะเล เอื้อให้ผู้คนผูกพันกับวิถีชีวิต ‘โหนด นา เล’ อย่างเหนียวแน่น กล่าวคือ เสร็จสิ้นฤดูกาลทำนาแบบดั้งเดิม (เก็บข้าวด้วยแกะ) ก็เป็นช่วงตาลออกช่อ ปีนต้นตาลโตนด เก็บลูกตาล น้ำตาลสด มาทำอาหาร น้ำตาลแว่น น้ำตาลผง พอตาลหมดช่อก็ลงทะเลสาบสงขลาหากุ้งหอยปูปลาสดๆ  

ก่อเกิดเมนูพื้นถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยำหัวโหนด ผัดเผ็ดปลามิหลัง แกงส้มปลามิหลัง กุ้งก้ามกรามต้มน้ำผึ้ง ยำยุมโหนด คั่วกุ้งหัวโหนด ขนมนานาชนิด ทั้งลูกตาลลอยแก้ว ลูกตาลกะทิสด ขนมตาล ขนมพิมพ์ ขนมกรอก (ปำจี) ขนมปำนึ่ง ฯลฯ

  ป้ารมย์ – นางพูนทรัพย์ ชูแก้ว ประธานวิสาหกิจชุมชนตาลโตนด โหนด นา เล หมู่ 7 ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา กล่าวว่า ความโดดเด่น คือ ตาลโตนดในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระอยู่ในดินที่มีตะกอนทับถมจึงให้น้ำตาลรสชาติเข้มข้นกว่าที่อื่นๆ มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กา พันธุ์ข้าว และพันธุ์ขมิ้น ลูกใหญ่ หัวหวาน 

กรรมวิธีการผลิตน้ำตาลแว่นและน้ำตาลผงที่นี่เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้น้ำตาลแท้ไม่ปลอมปนน้ำตาลทราย เริ่มตั้งแต่การปีนขึ้นไปเก็บน้ำตาลสดจากช่อดอก มีดปาดตาลคมๆ ปาดตรงงวง รินหลั่งลงในกระบอกไม้ผ่าที่ใส่ไม้เคี่ยมรองก้นไว้ เพื่อป้องกันน้ำตาลบูดเปรี้ยว (เหมือนสารกันบูดธรรมชาติ) ได้ 6 ปี๊บจะนำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวในกระทะใบบัวขนาดใหญ่บนเตาไม้ฟืนเพิ่มความหอม ไฟต้องสม่ำเสมอตลอดการเคี่ยว ผ่านไป 6 ชั่วโมงจะได้ ‘น้ำผึ้งโหนด’ 1 ปี๊บ 

จากนั้นตักน้ำผึ้งโหนดใส่ในกระทะราว 3 จวัก ตั้งไฟแรง ใช้ไม้กวนที่ทำจากรากลำพูเพราะน้ำหนักเบา กวนตลอดเวลาจนได้ที่ ตักหยอดในวงแว่นใบตาลที่เรียงราย เมื่อเย็นตัวจึงเก็บใส่กล่องปิดฝาสนิทไว้ใช้ได้นาน เหลือส่วนก้นกระทะ ให้ปิดไฟแล้วบดๆ ยีๆ ด้วยกะลามะพร้าว จนเนื้อละเอียดเป็นผง ปล่อยให้เย็นตัวอีกครั้งจึงบรรจุถุง

“ต้นตาลโตนดยังสามารถนำมาแปรรูปและใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เช่น ราก ใช้ทำยาตาลขโมย ลำต้น ทำบ้านเรือน กาบ ทุบเอาเส้นใยมาทำกระเป๋า หมวก ก้านทาง ทำรั้วบ้าน เก้าอี้ ใบ เย็บมุงหลังคา กระเป๋า ฝาชี ของเล่น ฯลฯ รวมทั้ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งสบู่ เซรั่ม โลชั่น ไปจนถึงขนมเค้ก เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาสู่นวัตกรรมที่สำคัญ เป็นแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนอีกด้วย” ป้ารมย์ กล่าว